ทีมชาติไทยลุ้น อุ่นเครื่องทีมนอกทวีป
สมาคมฟุตบอลแห่ประเทศไทยแจ้งชัดแล้วว่าในตอนนี้ หลังจากที่ทีมไทยคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2022 ได้สองสมัยติดกันและเป็นการคว้าแชมป์ครั้งที่ 7 มากที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน ทำให้หลายทีมที่มีแรงกิ้งสูงกว่าเชิญไปอุ่นเครื่องด้วย ตอนฟีฟ่าเดย์ช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค. 66 นี้
อยู่ในช่วงเจรจากับหลายๆทีม คงต้องยกผลงานนี้ให้กับ "มาโน่ โฟลกิ้ง" เฮดโค้ชชาวเยอรมัน และ "มาดามแป้ง" ผุ้จัดการทีม ฟุตบอลทีมชาติไทยชุด "ช้างศึก" ที่พาทีมมาถึงจุดนี้ได้แต่โปรแกรมที่ชัวร์แล้วแน่นอนคือ การบินลัดฟ้าไปร่วมโม่แข้งกับโลกอาหรับ ช่วงฟีฟ่าเดย์เดือน มี.ค.-เม.ย. ที่จะถึงนี้
ในรายการที่ทางสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตก หรือ WAFF เชิญทีมชาติไทยไปแข่งรายการ "WAFF 10’th Men Championship-UAE 2023" ร่วมกับ อีก 12 ทีมเป็นโอกาสที่ทีมไทยจะได้ลับฝีเท้ากับทีมชั้นนำของเอเชียหลายทีมในปัจจุบันไทยมี เวิล์ดแรงกิ้งอยู่อันดับ 111 เป็นโอกาสที่จะทำอันดับเวิล์ดแรงกิ้งให้ขยับสูงขึ้นด้วย
"เจ กับ เช็ค" มาลุยอาหรับด้วยแน่
มาโน่ โฟลกิ้ง เรียกสองนักเตะ "เจ ชนาธิป" และ "เช็ค ศุภโชค" จากทีมต้นสังกัดในเจลีกช่วยทีมชาติไทยสู้ศึก WAFF คัพ 2023 ซึ่งต้นสังกัดของทั้งสองคนก็ยืนยันปล่อยตัวให้มาช่วยทีมชาติ แต่ได้แค่ช่วยฟีฟ่าเดย์แล้วต้องบินกลับรายงานตัวในแคมป์ฝึกซ้อมทันที
เพราะทั้งสองคนมีศึกใหญ่ในเจลีกเป็นการพบกันของ ไทยดาร์บี้ ในเจลีกนัดที่ 6 ของฤดูกาล 2023 ระหว่างสโมสร คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ของ "เช็ค-สุภโชค" เปิดรังต้อนรับการมาเยือนของ ทีมคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ของ "เจ-ชนาธิป" ในวันที่ 1 เม.ย.66 เวลาไทย 17.00 น.
"ช้างศึก" ได้ประโยช์อะไรจากการเข้าร่วมรายการนี้
อย่างแรกเลยคือประสบการณ์ที่จะได้เจอกับแข็งในระดับเอเชียของจริง ไม่ว่าจะเป็นซาอุดิอาระเบีย ซาอุดิอาระเบีย (อันดับ 49), อิรัก (อันดับ 68) หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (อันดับ 70) เป็นการวัดศักยภาพของทีม
เพื่อให้ "มาโน่ โฟลกิ้ง" ได้ปรับทีมก่อนจะไปลุยศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รวมไปถึง ฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 ที่จะฟาดแข้งที่กาตาร์ในช่วงต้นปี 2024 และหากทีมชาติไทยทำผลงานดีกว่าทีมที่มีแรงกิ้งสูงกว่า ก็มีไต่อันดับฟีฟ่าแรงกิ้งขึ้นไปอีก
ซึ่งแต่ละทีมแข็งแกร่ง ซึ่งในตอนแรกจะมีการวางโถจับสลากแบ่งสายในเช้าวันที่ 26 มกราคมที่ผ่าน แต่ทางผู้จัดแจ่งว่าติดประชุมใหญ่ในช่วงสัปดาห์จึงขอเลื่อนการวางโถจับสลากออกไปก่อนจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
โปรแกรมการแข่งขัน WAFF
WAFF คัพ 2023 จะจัดการแข่งขันขึ้นที่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี) ในช่วงฟีฟ่าเดย์ วันที่ 20 มี.ค.-2 เม.ย.66 รายการที่ทีมชาติไทยถูกเชิญไปแข่ง คือ "WAFF 10’th Men Championship-UAE 2023"
รูปแบบการแข่งขันมีทั้งหมด 12 ทีมรวมทีมไทย (อันดับ 111) และทีมจากโลกอาหรับ 11 ทีมคือ ซาอุดิอาระเบีย (อันดับ 49), อิรัก (อันดับ 68), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (อันดับ 70), โอมาน (อันดับ 75), จอร์แดน (อันดับ 84), บาห์เรน (อันดับ 85), ซีเรีย (อันดับ 90), ปาเลสไตน์ (อันดับ 93), เลบานอน (อันดับ 100), คูเวต (อันดับ 148), เยเมน (อันดับ 154)
12 ทีมแบ่งออกเป็น เป็นสามกลุ่มละ 4 ทีม เตะแบบพบกันหมด หาแชมป์กลุ่มไปเล่นรอบรองชนะเลิศและที่สองที่ทำผลงานดีที่สุดอีก 1 ทีม หาก คะแนนเท่ากันจะวัดกันที่ "ประตูได้เสีย" เป็นอันดับแรก
มาดามแป้ง เข้าหารือ ส.บอลไทยเพื่อต่อสัญญา "มาโน่"
เพราะต้องการความต่อเนื่องในการทำทีม และเป็นการให้โอกาสโค้ชได้ทำทีมแบบยาว จะเห็นได้ว่าแม้ มาโน่ แม้จะเข้ามาในช่วงเวลาสั้นๆตอนต้นเขาก็สามารถผสานนักเตะในทีมได้ดี และมาครั้งนี้เขาสามารถผสานนักเตะทั้งใหม่เก่า เข้าด้วยกันกับระบบที่วางใว้ ความสมามัคคีเล่นตามแผนที่วาง คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ทีมไทยคว้าแชมป์ในครั้งนี้
กับผลงานที่ผ่านมาของ "มาโน่ โฟลกิ้ง" ที่พาทีมไทยคว้าแชมป์ "เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ" ครั้งแรกในปี 2020 และมาป้องกันแชมป์ในปี 2022 สองครั้งติดกัน ทำให้ทางมาดามแป้งตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการ ที่จะหารือกับสมาคมฟุตบอล เพื่อต่อสัญญากับเฮดโค้ชชาวเยอรมันคนนี้
และในตัวสัญญาที่จะหมดในวันสิ้นปี 2023 อาจจะมีการพิจารณาต่อสัญญาให้กับ มาโน่ เพราะเขาโด้ชทีมชาติไทยคนที่สามที่สามารถป้องกันแชมป์ได้ต่อจาก ปีเตอร์ วิธ (2000, 2002) และ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (2014, 2016)
ในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากศึก WAFF ที่กำลังจะแข่งขันที่ ยูเออี ในเดือนมีนาคมแล้ว ยังจะมีศึกเอเชียนคัพช่วงต้นปี 2024 ปีหน้า ต้องวางแผนล่วงหน้าในการเตรียมทีม รวมไปถึงศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่ต้องการความต่อเนื่องของระบบการเล่นที่พัฒนาไปเรื่อยๆ
"มาโน่ โพลกิ้ง" กุนซือชาวเยอรมันที่พาไทยคว้าแชมป์
"มาโน่ โฟลกิ้ง" เริ่มต้นด้วยการค้าแข้งในเมืองเบียร์กับหลายทีม อย่าง เฟาเอฟเบ บีเลเฟลด์, อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์, ดาร์มสตัดท์ และแขวนสตั๊ดไปในปี 2007 ในวัย 31 ปี ถือว่าแขวนเร็วมากในช่วงอายุแบบเขา "มาโน่" เล่นในตำแหน่งปีกและกองกลางตัวรุก แต่ก็ไม่สามารถทำผลงานได้ดีเลย
จนเบนเข็มหันมายึดอาชีพโค้ชทีมฟุตบอล ตามติด วินฟรีด เชเฟอร์ คอยเป็นผู้ช่วยอยู่เมืองนอกที่สโมสร อัล ไอน์ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และ เอฟซี บากู (อาเซอร์ไบจาน) จนเซเฟอร์มาไทย เขาก็ติดตามมาด้วย แต่ผลงานเซเฟอร์ไม่ดีจึงถูกปลด แต่ครั้งนี้ มาโน่ โฟลกิ้ง ไม่ติดตาม เชเฟอร์
กลับรับงานคุมทีมชาติชุด U22 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เขาหันไปคุมทีมในไทยลีกสามทีม เริ่มที่ อาร์มี่ ยูไนเต็ด พาทีมทำผลงานได้ดีจบอันดับ 6 ของศึกไทยลีก 2013 นั่นทำให้ฤดูกาลต่อมา เขาถูกดึงตัวไปคุมทัพ สุพรรณบุรี เอฟซี แต่ครั้งนี้ร่วมงานได้เพียงไม่กี่เดือนก็ถูกเด้งตกเก้าอี้ เหตุเพราะผลงานไม่เป็นไปตามเป้าของสโมสร
และได้ย้ายไปอยู่กับ "แข้งเทพ" ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในช่วงเลกสอง ของศึกไทยลีก 2014 และ "มาโน่" ก็กลายเป็นหนึ่งในโค้ชระดับ "ตำนาน" อยู่นานถึง 7 ปี พร้อมกับสไตล์การเล่นสุดเอนเตอร์เทนแฟนบอล เรียกว่าเกมรุกยิงกระจุย แต่เกมรับก็เสียประตูกระจายเช่นกัน พาทีมไปได้แค่รองแชมป์ แล้วก็เบนเข็มไปคุมทีมใน วีลีก ต่างแดน แต่ก็เจอโควิด 19 จึงคัมแบ็คกลับไทย
กลับมาก็รับงานใหญ่คุมทีมชาติไทยใหญ่ "ช้างศึก" คว้าแชมป์ "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" ที่ประเทศสิงคโปร์ และป้องกันแชมป์ได้จากเวียดนาม ในรอบชิงทำให้คว้าแชมป์ "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2022"