ประเทศไทยกำลังถูกจับตามองจากการคาดการณ์ของ บทวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป ที่ประเมินว่าไทยอาจกลายเป็นศูนย์กลางการพนันใหญ่ลำดับที่ 3 ของโลก รองจากมาเก๊าและลาสเวกัส สาเหตุหลักมาจากความนิยมในการพนันของคนไทย และความพยายามของรัฐบาลที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เส้นทางนี้ไม่เพียงเต็มไปด้วยโอกาส แต่ยังเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งด้านกฎหมายและสังคมที่ซับซ้อน
ความคืบหน้าในนโยบาย "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
หลังการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในปี 2567 รัฐบาลได้ประกาศนโยบายที่จะส่งเสริม "สถานบันเทิงครบวงจร" (Entertainment Complex) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ โครงการนี้ถูกมองว่าเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สวนน้ำ สวนสนุก และสถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก
ในเดือนมกราคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง โดยรัฐบาลตั้งเป้าที่จะผลักดันโครงการนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี เพื่อให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเอเชีย
ความเห็นจากนักวิชาการ: "นโยบายที่ไม่ได้หาเสียง"
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่านโยบายสถานบันเทิงครบวงจรไม่ได้ถูกระบุในนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีการกล่าวถึงคาสิโนถูกกฎหมายหรือการพนันออนไลน์ในเอกสารนโยบายเลือกตั้งปี 2566 สิ่งที่ระบุไว้คือเป้าหมายเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาทต่อปี ผ่านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทั้งจากธรรมชาติและสถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้น
การที่รัฐบาลดำเนินโครงการนี้จึงถูกมองว่าเป็นการ "หลอกลวงประชาชน" และนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการและภาคประชาสังคมที่กังวลถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
ประเด็นฟอกเงิน: ความท้าทายสำคัญของคาสิโนในไทย
ศ.ดร.วิชา มหาคุณ จากมหาวิทยาลัยรังสิตได้ชี้ว่า คาสิโนหรือสถานบันเทิงครบวงจรมีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงิน การให้สัมปทานแบบไม่มีการแข่งขันอาจนำไปสู่การทุจริตในกระบวนการจัดการ เช่นเดียวกับกรณีในฟิลิปปินส์ที่คาสิโนบางแห่งถูกเชื่อมโยงกับการฟอกเงินจนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
สิงคโปร์: ต้นแบบของ "รีสอร์ทบูรณาการ"
หากต้องการมองภาพอนาคตของคาสิโนในไทย อาจต้องศึกษาต้นแบบจาก มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นรีสอร์ทแบบบูรณาการที่รวมโรงแรม แหล่งช้อปปิ้ง สวนสนุก และคาสิโนไว้ในที่เดียวกัน โครงการนี้เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2010 และเป็นตัวอย่างสำคัญที่รัฐบาลไทยสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร
บทสรุป: ความคาดหวังและความเสี่ยง
แม้ว่าโครงการ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" จะเป็นโอกาสที่สามารถเพิ่มรายได้มหาศาลให้กับประเทศ แต่ปัญหาด้านความโปร่งใส การฟอกเงิน และผลกระทบทางสังคมยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ การตัดสินใจผลักดันโครงการนี้จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการพนันแห่งเอเชียได้อย่างยั่งยืน.