ฟุตบอลยูโร 2020 ที่จะแข่งกันวันที่ 12 มิ.ย. 2021 นี้
เกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายก่อนเริ่มการแข่งฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป อีกหนึ่งอีเวนท์ที่มีคนดูไม่น้อยไปกว่าฟุตบอลโลกแม้ว่าจะจัดขึ้น ในช่วงที่โควิทแต่สถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายด้วยวัคซีนแล้ว ทำให้การแข่งขันรายการใหญ๋ในกีฬาหลายประเภท สามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างฟุตบอลยูโร 2020 อย่างเกมอุ่นเครื่องล่าสุดคืนวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา อิตาลี เปิดสนามสตาดิโอ เรนาโต ดัลลารา โชวฟอร์มเหนืออัดทีมเยือนอย่าง สาธารณรัฐเช็ก ไปแบบขาดลอย และทั้งสองทีมก็ยังมีโปรแกรมแตะรอบแบ่งกลุ่มในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ด้วย
อิตาลี โชวฟอร์มเทพเปิดบ้านไล่อัด สาธารณรัฐเช็ก ไป 4-0 ในแบบที่เช็กสู้ไม่ได้เลย ถ้ายังคงฟอร์มแบบนี้ที่หนึ่งของกลุ่ม A คงเป็นทีมไหนไปไม่ได้ มาที่คู่สเปน ที่ลงอุ่นเครื่องกับโปรตุเกส ในคืนวันเดียวกัน จบเกมเสมอกันไปแบบสุดมัน 0-0 ถือว่ายังไม่ใส่กันเต็มที่มากนัก ส่วนเจ้าภาพร่วมอย่างฮังการี ก็เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ไซปรัส ทีมที่ดูจะเป็นรองอยู่มากได้อยู่ แต่ดูแล้วฟอร์มยังค่อยดีเท่าไหร่รอบแบ่งกลุ่มที่ต้องไปอยู่ในกรุ๊ปออฟเดท ร่วมกับเยอรมันเจ้าภาพร่วม โปรตุเกส และฝรั่งเศษ น่าจะเป็นงานยากเลยทีเดียว ส่วนอีกคู่ที่ดูน่าสนใจคือมาซิโดเนียเหนือร่วมกับกลุ่ม C ที่มีเนเธอร์แลนด์ ยูเครน ออสเตรีย ก็โขว์ฟอร์มเทพเปิดบ้านเอาชนะ คาซัคสถาน ไป 4-0 แบบสบายๆ ดูจากฟอร์มการเล่นแล้ว มาซิโดเนียเหนือ น่าจะไม่ได้เป็นทีมแจกแต้มแล้วอาจจะเป็นม้ามืดก็เป็นได้ และอีกคู่ฟินแลนด์ เจ้าบ้านเปิดบ้านต้อนรับ
โปรแกรมการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่จะเกิดขึ้นวันที่ 12 มิ.ย. ถึงวันที่ 24 มิ.ย.นี้
วันที่ 12 มิ.ย. 64 (ตุรกี – อิตาลี เวลา 02:00) (เวลส์ – สวิตฯ เวลา 20:00) (เดนมาร์ก – ฟินแลนด์ เวลา 23:00)
วันที่ 13 มิ.ย. 64 (เบลเยี่ยม – รัสเซีย เวลา 02:00) (อังกฤษ – โครเอเชีย เวลา 20:00) (ออสเตรีย – มาซิโดเนียเหนือ เวลา 23:00)
วันที่ 14 มิ.ย. 64 (เนเธอร์แลนด์ – ยูเครน เวลา 02:00) (สกอตแลนด์ – เช็ก เวลา 20:00) (โปแลนด์ – สโลวาเกีย เวลา 23:00)
วันที่ 15 มิ.ย. 64 (สเปน – สวีเดน เวลา 02:00) (ฮังการี – โปรตุเกส เวลา 23:00)
วันที่ 16 มิ.ย. 64 (ฝรั่งเศส – เยอรมนี เวลา 02:00) (ฟินแลนด์ – รัสเซีย เวลา 20:00) (ตุรกี – เวลส์ เวลา 23:00)
วันที่ 17 มิ.ย. 64 (อิตาลี – สวิตเซอร์แลนด์ เวลา 02:00) (ยูเครน – มาซิโดเนียเหนือ เวลา 20:00) (เดนมาร์ก – เบลเยี่ยม เวลา 23:00)
วันที่ 18 มิ.ย. 64 (เนเธอร์แลนด์ – ออสเตรีย เวลา 02:00) (สวีเดน – สโลวาเกีย เวลา 20:00) (โครเอเชีย – เช็ก เวลา 23:00)
วันที่ 19 มิ.ย. 64 (อังกฤษ – สกอตแลนด์ เวลา 02:00) (ฮังการี – ฝรั่งเศส เวลา 20:00) (โปรตุเกส – เยอรมนี เวลา 23:00)
วันที่ 20 มิ.ย. 64 (สเปน – โปแลนด์ เวลา 02:00) (อิตาลี – เวลส์ เวลา 20:00) (สวิตเซอร์แลนด์ – ตุรกี เวลา 23:00)
วันที่ 21 มิ.ย. 64 (ยูเครน – ออสเตรีย เวลา 23:00) (มาซิโดเนียเหนือ – เนเธอร์แลนด์ เวลา 23:00)
วันที่ 22 มิ.ย. 64 (รัสเซีย – เดนมาร์ก เวลา 02:00) (ฟินแลนด์- เบลเยี่ยม) เวลา 02:00
วันที่ 23 มิ.ย. 64 (โครเอเชีย – สกอตแลนด์ เวลา 02:00) (เช็ก – อังกฤษ เวลา 02:00) (สวีเดน – โปแลนด์ เวลา 23:00) (สโลวาเกีย – สเปน เวลา 23:00)
วันที่ 24 มิ.ย. 64 (เยอรมัน – ฮังการี เวลา 02:00) (โปรตุเกส – ฝรั่งเศส เวลา 02:00)
ทีมที่ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มทั้ง 24 ทีม 6 กลุ่ม A-F
แน่นอนว่ามีทีมมากถึง 24 ทีมที่ผ่านเข้ามาแข่งขันกันในรอบแบ่งกลุ่มและก็จะมีแค่ 16 ทีมเท่านั้นที่จะผ่านเข้าสู่รอบถัดไป ซึ่งในรอบนี้จะมีทั้งหมด 6 กลุ่มโดยแบ่งเป็น A, B, C, D, E, F โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีทีมร่วมกันตามนี้
กลุ่ม A มี อิตาลี , เวลส์ , ตุรกี , สวิสเซอร์แลนด์
กลุ่ม B มี เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, เบลเยียม, รัสเซีย
กลุ่ม C มี เนเธอร์แลนด์, ยูเครน, ออสเตรีย, มาซิโดเนียเหนือ
กลุ่ม D มี อังกฤษ, โครเอเชีย, สกอตแลนด์, เช็ก
กลุ่ม E มี สเปน, สวีเดน, โปแลนด์, สโลวะเกีย
กลุ่ม F มี ฮังการี (เจ้าภาพร่วม), โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, เยอรมนี (เจ้าภาพร่วม)
โดยทีมที่แนะนำจะเป็นทีมที่มีโอกาสสูงและเป็นทีมเต็ง ที่จะทะลุเข้ารอบลึกๆและมีโอกาสคว้าแชมป์ในรายการนี้ โดยบริษัทรับแทงร้านพลูได้ให้ราคาต่อรองกับ ฝรั่งเศษ และ อังกฤษ มาเป็นเต็งหนึ่ง โดยรับแทง 5/1 (แทง 1 จ่าย 5 ไม่รวมทุน) | เต็งสอง เบลเยียม รับแทง 6/1 | เยอรมัน รับแทง 15/2 | โปรตุเกส, สเปน รับแทง 8/1 | อิตาลี, ฮอลแลนด์ รับแทง 11/1 | เดนมาร์ก, โครเอเชีย รับแทง 33/1 | ตุรกี, สวิตเซอร์แลนด์, ยูเครน, รัสเซีย รับแทง 66/1 | โปแลนด์, สวีเดน รับแทง 80/1 | ออสเตรีย, เวลส์ รับแทง 100/1 | สาธารณรัฐเช็ก, สกอตแลนด์, สโลวาเกีย รับแทง 150/1 | ฟินแลนด์ รับแทง 250/1 | ฮังการี, มาซิโดเนียเหนือ รับแทง 500/1
5 ทีมน่าน่าลุ้นเดิมพันไปกับการแข่งขันในครั้งนี้
1. กับทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยการมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ฟุตบอลโลกปีล่าสุด กับผลงานยอดเยี่ยมช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ขุมกำลังนักเตะรวมถึงมีโค้ชมากความสามารถอย่าง ดีดีเย่ร์ เดส์ชอง และยังคงใช้นักเตะจากชุดแชมป์ฟุตบอลโลกอย่าง กับสามทหารเสือ อย่าง อองตวน กรีซมันน์ , คิลิยัน เอ็มบัปเป้ , ปอล ป็อกบา
2. ทีมชาติอังกฤษนับจากวันที่ผิดหวังฟุตบอลโลกเมื่อปี 2018 ก็ได้มีการเสริมแข่งเกร่งเพื่อการล่าแชมป์ยูโร2021 ด้วยฟอร์มของนักเตะฝีเท้าที่โดดเด่น ทั้งยังมีนักเตะดาวรุ่งที่กำลังมาแรง ณ ตอนนี้ โดยการนำทัพของ แกเร็ท เซาท์เกต และมีเครื่องจักรสังหารประตูอย่าง แฮร์รี เคน , ราฮีม สเตอร์ลิง , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , แฮร์รี แม็คไกวร์ บวกกับดาวรุ่ง จาดอน ซานโช่ , ฟิล โฟเด้น , บูกาโย่ ซาก้า , มาคัส แรชฟอร์ด
3. ทีมชาติเบลเยียม ปีศาจแดงเบลเยียมด้วยฟอร์มอันร้อนแรง กับเกมรับยอดเยี่ยมโดยเฉพาะ ตีโบ กูร์ตัว ผู้รักษาประตูจากเรอัล มาดริด และนักแตะดังอีกหลายคน สุดยอดกองกลาง เควิน เดอ บรอยน์ และมีโรเมลู ลูกากู ที่พร้อมลงล่าตาข่ายอย่างต่อเนื่องกับทีม ที่มีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทั้งทีมเพราะการเข้ามาคุมทีมของ โรเบร์โต มาร์ติเนซ ทำให้ศักยภาพของทีมเพิ่มมากขึ้น
4. ทีมชาติเยอรมนี หรืออินทรีเหล็กที่นำทัพมาโดยเฮดโค้ด โยอาคิม เลิฟ แม้ว่าฟุตบอลโลกปี 2018 เยอรมันจะตกรอบแบ่งกลุ่ม แต่ในปีนี้เยอรมันแสดงให้เห้ยแล้วว่า ฟอร์มของพวกเขาดุดันและเล่นกันเป็นทีมเหนียวแน่น บุกเร็วด้วยความเป็นทีมของนักแตะชุดเดิม บวกกับนักแตะใหม่ที่มาเสริมอย่าง ไค ฮาแวร์ทซ์ , นิคลาส ซือเล่อ , ซูอัต แซร์ดาร์ , โรบิน ค็อค และ ฟิลิปป์ มักซ์ เป็นเหมือนความหวังใหม่ที่จะมาสานต่อให้เยอรมันถึงแชมป์ในปีนี้
5. ทีมชาติสเปนเปิด อีกทีมที่มีปัญหาเปลี่ยนตัวตำแหน่งของกุนซือบ่อยครั้ง ทำให้การทำทีมตั้งแต่ชุดแชมป์ยูโรปี 2016 ก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่ในปีนี้กระทิงดุก็ถือว่าเริ่มกลับมามีความหวังกับผลงานรอบคัดเลือก ที่คุมโดยอดีตนักแตะดังอย่าง หลุยส์ เอนริเก้ เขาเข้ามาทำใหทีมเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ฟอร์มของนักแตะอย่าง โกเก้ , อิสโก้ และ มาร์โก อเซนซิโอ้ ดีขึ้น มีปีกจอมแกร่ง อดาม่า ตราโอเร่ มาช่วยเสริม ต้องดูว่าโค้ชและนักแตะจะพาทีมกระทิงดุคว้าแชมป์ยูโรครั้งนี้ได้หรือไม่
หลังจากที่แฟนบอลต้องรอคอยกันมาถึง 1 ปีจากเหตุการณ์โควิด19 วันนี้การได้กลับมาแข่งจะที่จะเป็นการมีคนดูได้กลับเข้าไปเชยร์ทีรักในสนามได้แล้ว บรรยากาศกลับมาลุ้นสนุกแน่นอนในปีนี้ และเราจะติดตามอัพเดททั้งทีมที่เข้าแข่งขัน พร้อมวัน และเวลา ให้คุณได้ติดตาม เพื่อเป็นแผนให้คุณสามารถใช้ข้อมูลพิจารณาในการเดิมพัน ไปจนถึงรอบ 8 ทีม ไปจนถึงรอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศ