AC Milan เอซีมิลาน
ประวัติสโมสรนี้มีมายาวนาน คนไทยรู้จักกันดีในนาม ปีศาจแดงดำ AC Milan ย่อมาจาก Associazione Calcio Milan ได้ก่อตั้งสโมสรขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1899 ก็มีชาวอังกฤษสามคนเนี่ย ได้พูดคุยกันที่ห้องหนึ่งในโรงแรมหนึ่งชื่อ โฮเตล ดู นอร์ และเกิดความคิดที่จะสร้างสโมสรคริกเกตและฟุตบอลชื่อ “Milan Football and Cricket Club” ซึ่งตอนเริ่มก่อตั้งใหม่ๆนะครับ คลับแห่งนี้เน้นไปที่คริกเกตมากกว่า แต่เมื่อข่าวค่อยๆแพร่กระจายออกไป ก็มีผู้คนให้การสนับสนุนฟุตบอลกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีนายอัลเฟรด เอ็ดเวิร์ดส์ ทำหน้าที่ประธานสโมสรเป็นคนแรก โดยหลังจากที่ไปขึ้นทะเบียนกับสหภาพฟุตบอลอิตาเลียนแล้ว ทีมก็ได้เข้าร่วมชิงชัยในฟุตบอล รวมทั้งเริ่มสร้างสนามเพื่อใช้ในการเป็นเจ้าบ้าน โดยทำการสร้างสนามที่บริเวณทรอตเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันก็คือ สถานีรถไฟกลางนั่นเอง
ในปี ค.ศ. 1919 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Milan Football Club” จากนั้นในปี ค.ศ. 1936 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Milan Associazione Sportiva” ต่อมาในปี ค.ศ. 1938 เปลี่ยนมาเป็น “Associazione Calcio Milano” สุดท้ายเปลี่ยนมาเป็น “Associazione Calcio Milan” ในปี ค.ศ. 1945 และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน เอซี มิลาน ใช้สีแดง-ดำ เป็นสีประจำทีม มีฉายาในภาษาอิตาเลียนว่า “รอสโซเนรี” หรือ “อิล ดิอาโวโล” ส่วนในภาษาไทยเรียกว่า “ปีศาจแดง-ดำ”และเรียกเหล่ากองเชียร์ของสโมสรว่า “มิลานิสตา”
ที่ตั้งสนามของสโมสรในฐานะเจ้าบ้าน
สนามกีฬา San Siro (ตั้งชื่อตามนักบุญซึ่งได้อุทิศคริสตจักรเล็ก ๆ ไว้ใกล้ ๆ ) ได้รับของขวัญจากประธานาธิบดีเอซีมิลาน Piero Pirelli (ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปีพ. ศ. 2452 เป็นเวลา 20 ปี) ไปที่ “เมือง” ของมิลาน สนามกีฬาแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นภายในเวลาเพียงสิบสามเดือนครึ่งโดยทำงานจากช่างผู้มีฝีมือ 120 คน สนามกีฬามีราคาประมาณ 5 ล้านลีราอิตาเลียน สถาปนิกที่ลงนามในโครงการคือ Stacchini (ผู้ออกแบบสถานีรถไฟกลางมิลาน) และ Cugini เอซี มิลาน ใช้สนามซาน ซิโร่ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สตาดิโอ้ จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า เป็นสนามที่ใช้ในการเล่นในฐานะเจ้าบ้าน ร่วมกับทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างอินเตอร์ ที่นั่งทั้งหมดติดตั้งตามแบบของสรีระและสร้างด้วยแผ่นโพลีคาร์บอเนตเพื่อรับประกันความสะดวกสบายสำหรับผู้เข้าชม มีหมายเลขและสีทีแตกต่างกันสำหรับแต่ละส่วนของสนามกีฬา เพิ่มความจุในการรองรับผู้เข้าชมมากถึง 85,700 ที่นั่ง มีการติดตั้งระบบแสงสว่างใหม่รวมไปถึงระบบทำความร้อนสำหรับสนามเพื่อความคุมอุณหภูมิและหลีกเลี่ยงการก่อตัวของน้ำแข็ง
หลังจากการเป็นเจ้าภาพจัดพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกฟีฟ่าในปี 1990 ตั้งแต่นั้นมา Temple of football ของ Milan ก็ยังคงเป็นเจ้าภาพทุกวันอาทิตย์ในช่วงฤดูร้อน ในปี 2008 หลังจากที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานของยูฟ่าทำให้ความจุขอบสนามกีฬา San Siro ลดลงเหลือ 80,018 ที่นั่ง บนหลังคามีการติดตั้งเครื่องฉายภาพ 256 เครื่องที่ทำงานร่วมกับไอระเหยของ Halide ที่มีกำลังไฟ 3,500 วัตต์ สนามกีฬา San Siro นั้นตั้งอยู่ติดกับ Hippodrome ของมิลานและอยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 6 กิโลเมตรเท่านั้น ในประเทศอิตาลี่ แต่เตรียมบอกลาเพื่อนบ้านสีน้ำเงิน ได้เลยสำหรับเหล่าแฟนบอล รอซโซเนรี่ เอซี มิลาน เพราะล่าสุดปล่อยภาพแบบแปลนและโมเดลสนามแห่งใหม่ของพวกเขาออกมาแล้ว ตามรายงานข่าวระบุว่าสโมสร เอซี มิลาน ได้ทำการซื้อที่ดินเพื่อเตรียมสร้างสนามใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากสนาม ซาน ซิโร่ เพียง 2 ไมล์เท่านั้น และคาดการณ์ว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาดรังเหย้าแบบฉายเดี่ยวของพวกเขาจะเสร็จทันใช้ในฤดูกาล 2018-19 อย่างแน่นอน ซึ่งงบประมาณสนามแห่งจะอยู่ที่ราวๆ 240 ล้านปอนด์ ที่มาพร้อมกับความจุ 48,000 ที่นั่ง ซึ่งเทียบเท่ากับความจุของ ยูเวนตุส สเตเดียม สนามใหม่นี้ออกแบบโดยบริษัท Arup ที่ออกแบบสนามอลิอันซ์ อารีน่า รวมถึงสนาม รังนก ในปักกิ่ง
เอมิลิโอ ฟาโรลดี้ สถาปนิกชื่อดังก็บอกว่าสนามใหม่แห่งนี้จะเป็นเมืองอาคารมากกว่าให้ความรู้สึกเป็นสนามฟุตบอลและจะออกแบบไปในทางที่กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมในเมือง มิลาน โดยรอบ สำหรับความสูงของสนามใหม่นี้จะไม่เกินไปกว่า 30 เมตรตรงกันข้ามกับซาน ซิโร่ที่สูงถึง 60 เมตรและจะอยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินไป 10 เมตรเพื่อลดผลกระทบต่อทัศนวิสัยของตัวเมือง พร้อมจะใช้เทคโนโลยีล่าสุดและวัสดุลช่วยลดเสียงรบกวนเพื่อทำให้เสียงเชียร์ดังอยู่แค่ในสนามไม่ให้ไปรบกวนด้านนอก ก็ได้แต่รอดูสำหรับแฟน ปีศาจแดงดำ นะครับ
ทำเนียบโค้ชและผู้เล่นสำคัญในอตีดจนถึงปัจจุบัน
ยุครุ่งเรืองของเอซีมิลาน ยุค 80 ภายใต้โค้ช อาริโก้ ซาคคี่ ด้วยแผนการเล่น 4-4-2 GK : เซบาสเตียน รอสซี่ RB : เมาโร ทัสซ็อตติ CB : ฟรังโก้ บาเรซี่ ( C ) CB : อเล็กซานเดอร์ คอสตาคูต้า LB : เปาโล มัลดินี่ RM : เดยัน ซาวิเซวิซ CM : มาเซล เดอไซยี่ CM : แฟร้ง ไรการ์ท LM : โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ SS : รุด กุลลิท ST : CM : เดมิทติโอ อันแบร์โตนี่ CM : ซิโวเนีย โบบัน CM : คาร์โล อันเชล็อตติ ST : ดานิเอลเล่ มาซซาโร ยุคนี่เล่นมันคลาสสิกแต่ละคนนี่ครับ ได้กำ เนิดโซนเพรส (เพรสซิง ฟุตบอล) เรียกยุคสามทหารเสือดัชต์ รุด กุลลิท ,มาร์โค ฟานบาสแท่น ,แฟร้ง ไรการ์ท พอเข้ายุค90 ของมิลานในยุคนี้ คือ ฟาบิโ คาเปลโล ก็ยังมีเพิ่มอีกหลายคน ได้แก่ เซบาสเตียโน รอสซี, เดยัน ซาวิเซวิช, เดเมตริโอ อัลแบร์ตินี, มาร์กแซล เดอไซญี, มาร์โก ซิโมเน, ซโวนีเมียร์ โบบัน, ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง, จอร์จ เวอาห์, คริสเตียน ปานุชชี, สเตฟาโน เอรานิโอ, โรแบร์โต บาจโจ, เลโอนาร์โด และโอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ โดยเฉพาะ จอร์จ เวอาห์ หลายคนให้การยอมรับว่าเขาคือนักแตะแอฟริกันที่ดีที่สุดในโลก พอเข้าสู่ยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ หลังจากอยู่กับ ยูเวนตุส ได้สองปีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เอซีมิลานก็เห็น ในความสามารถจึงเซ็นสัญญาให้มาคุมทีมใน ปี 2001 แล้วก็เหมือนพระเจ้ามาโปรดในช่วงปลายยุค 90 เริ่มผลงานเริ่มแผ่วไปแล้ว เพราะนักแตะเริ่มร่วงโรย จึงได้รับการถ่ายเลือดด่วน จึงเกิดทีมยุคใหม่ขึ้นมา ประตู : เซบาสเตียโน่ รอสซี่ เลิกเล่นปี 2002 แล้ว เนลสัน ดีด้า นายทวารชาว บลาซิล เข้ามารับตำแหน่งมือหนึ่งแทน กองหลัง อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า, อเลสซานโดร เนสต้า, เปาโล มัลดินี่, คาค่า คาลาดเซ่, เจนนาโร่ กัตตูโซ่, อันเดรีย ปิร์โล่, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, รุย คอสต้า,ริคาร์โด กาก้า, อันเดร เชฟเชนโก้, ฟิลิปโป้ อินซากี้, โรเก้ จูเนียร์ (สำรอง), มัสซิโม่ อัมโบรซินี่ (สำรอง), แซร์จินโญ่ (สำรอง) และซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ชื่อนี้คงไม่มีแฟนมิลานคนไหนไม่รู้จักหลังจากเขาประกาศปิดตำนานขายสโมสร2017 เอซี มิลาน ที่เขาครอบครองมาถึง 31 ปีให้กับกลุ่มทุนจากจีน FFT ได้จัดดรีมทีมชุดที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น 11 ตำแหน่งตัวจริงรวมถึงตัวสำรองที่อัดเเน่นไปด้วยคุณภาพไม่แพ้กันของ มิลาน ภายใต้การดำเนินงานของ “ป๋าแบร์” มาสู่ยุคปัจจุบัน 2017-2018 ที่มี Li Yonghong เข้ามาซื้อสโมสรต่อจากป๋าแบร์และได้ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ เข้ามากุมบังเหียน ในชุดปัจจุบันซึ่งกำลังดีขึ้นแต่ ก็ต้องปรับรอการปรับตัวเห็นได้จากยูโรป้าลีก นั้นแพ้ให้กับอาเซ่น่อลในรอบ 16 ทีม ชุดผู้เล่นปัจจุบัน นายทวาร ตอมมาโซ่ แบร์นี่ มือ1, ดานิเอเล่ ปาเดลลี่, ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช, กองหลัง ดัลแบร์ต, ดาวิเด้ ซานตอน, มิรันด้า, อันเดรีย ราน็อคเคีย, ลิซานโดร โลเปซ, มิลาน สคริเนียร์, ชูเอา คานเซโล่, ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ, กองกลาง อัสซาเน่ นูคูรี่, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มาติอัส เวชิโน่, บอร์ฆ่า บาเลโร่, ราฟินญ่า, กองหน้า เอแดร์, อิวาน เปริซิช, ยานน์ การาโมห์, อันโตนิโอ คันเดรว่า, อันเดรีย ปินามอนติ, เมาโร อิคาร์ดี้ กับตันทีม
ผลงานทีมเอซีมิลาน
เซเรียอา – ชนะเลิศ 18 ครั้ง
1901, 1906, 1907, 1950-51, 1954-55, 1956-57, 1958-59, 1961-62, 1967-68, 1978-79, 1987-88, 1991-92, 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1998-99, 2003-04 ,2010-2011
เซเรียบี – ชนะเลิศ 2 ครั้ง
1980-81, 1982-83
โคปาอิตาเลีย – ชนะเลิศ 5 ครั้ง
1966-67, 1971-72, 1972-73, 1976-77, 2002-03
ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่า 6 ครั้ง
1988, 1992, 1993, 1994, 2004, 2011
ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก – ชนะเลิศ 7 ครั้ง
1962-63, 1968-69, 1988-89, 1989-90, 1993-94, 2002-03 , 2006-07
ยูฟ่า คัพ วินเนอร์สคัพ – ชนะเลิศ 2 ครั้ง
1967-68, 1972-73
ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ – ชนะเลิศ 4 ครั้ง
1989, 1990, 1994, 2003
ฤดูกาล 2017-2018 ยังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร สำหรับทีมที่เคยประสบผลสำเร็จในอดีตอย่างเอซีมิลาน โดยอันดับอยู่ที่ 6 ของตาราง เพราะดันไปพลาดท่าให้แพ้ให้กับทีมหนีตกชั้นอย่าง เบเนเวนโต คาบ้าน 0-1 ผู้ประตูชัยคือ ปิเอโตร เลมเมลโล่ นาทีที่ 29 ชื่อนี่คงแสลงหูแฟนบอลมิลานไปอีกนานเพราะ ส่งผลให้ เอซี มิลาน ไร้ชัยชนะ 6 เกมติดต่อกัน รั้งอันดับ 6 ของตาราง และจะหมดสิทธิ์ไปเล่นแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลหน้าทันที
อันดับ | ทีม | เล่น | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | คะแนน | การผ่านเข้ารอบหรือการตกชั้น |
6 | เอซี มิลาน | 38 | 18 | 10 | 10 | 56 | 42 | +14 | 64 | ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบคัดเลือกรอบสอง |
สถิติทีมเอซีมิลาน
การแข่งขันในกัลโช่ เซเรีย อา
– ชนะในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ ปาแลร์โม่ 9-0, 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1951
– ชนะนอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ เจนัว 8-0, 5 มิถุนายน ค.ศ. 1955
– แพ้ในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ ยูเวนตุส 1-6, 6 เมษายน ค.ศ. 1997
– แพ้นอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด :แพ้ อเลสซานเดรีย 1-6, 26 มกราคม ค.ศ. 1936
– จำนวนคะแนนที่ได้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 3 คะแนน) : 82 คะแนน (2003-04, 34 นัด)
– จำนวนคะแนนที่ได้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 2 คะแนน) : 60 คะแนน (1950-51, 38 นัด)
– จำนวนคะแนนที่ได้น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 3 คะแนน) : 43 คะแนน (1996-97, 34 นัด)
– จำนวนคะแนนที่ได้น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 2 คะแนน) : 24 คะแนน (1981-82, 30 นัด)
– จำนวนนัดที่ชนะมากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 28 นัด (2005-06, 38 นัด)
– จำนวนนัดที่ ชนะน้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 5 นัด (1976-77, 30 นัด)
– จำนวนนัดที่แพ้น้อย ที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 0 นัด (1991-92, 34 นัด)
– จำนวนนัดที่แพ้มาก ที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 15 นัด (1930-31, 30 นัด)
– จำนวนนัดที่เสมอมากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 17 นัด (1976-77, 30 นัด)
– จำนวนนัดที่เสมอน้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 3 นัด (1949-50, 38 นัด)
– จำนวนประตูที่ทำได้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม) : 118 ประตู (1949-50, 38 นัด)
– จำนวนประตูที่ทำได้น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม) : 21 ประตู (1981-82, 30 นัด)
– จำนวนประตูที่เสียน้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม) : 12 ประตู (1968-69, 30 นัด)
– จำนวนประตูที่เสียมากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม) : 62 ประตู (1932-33, 34 นัด)
– จำนวนผลต่างประตูที่มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : +73 ประตู (1949-50, 38 นัด)
– จำนวนผลต่างประตูที่น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : -10 ประตู (1981-82, 30 นัด)
– ชนะติดต่อกันมากที่สุด : 10 นัด เริ่มตั้งแต่ 28 มกราคม ค.ศ. 1951 (ชนะ ซามพ์โดเรีย 2-0) จนถึง 1 เมษายน ค.ศ. 1951 (แพ้ ปาโดว่า 1-2)
– ไม่แพ้ติดต่อกันมากที่สุด : 58 นัด เริ่มตั้งแต่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 (เสมอ ปาร์ม่า 0-0) จนถึง 21 มีนาคม ค.ศ. 1993 (แพ้ ปาร์ม่า 0-1)
การแข่งขันในฟุตบอลสโมสรยุโรป
– ชนะในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ ยูเนี่ยน ลักเซมเบิร์ก 8-0, 12 กันยายน ค.ศ. 1962 (ยูโรเปี้ยน คัพ)
– ชนะนอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ ยูเนี่ยน ลักเซมเบิร์ก 6-0, 19 กันยายน ค.ศ. 1962 (ยูโรเปี้ยน คัพ)
– แพ้ในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ บาร์เซโลน่า 0-2, 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1959 (ยูโรเปี้ยน คัพ)
– แพ้นอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ อาแจ๊กซ์ 0-6, 16 มกราคม ค.ศ. 1974 (ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ)
การแข่งขันในโคปป้า อิตาเลียน
– ชนะในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ ปาโดว่า 8-1, 13 กันยายน ค.ศ. 1958
– ชนะนอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ โคโม่ 5-0, 8 มิถุนายน ค.ศ. 1958
– แพ้ในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ โรม่า 0-4, 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1979
– แพ้นอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ ฟิออเรนติน่า 0-5, 13 เมษายน ค.ศ. 1940